mungmee-pradee.com=>
พระเครื่อง จ. พระนครศรีอยุธยา ->
เหรียญหลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา หลังพระพุทธทรงปลา สร้างวัดเขาสะพานนาค ปี 2502 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นประธานปลุกเสกครับ เนื้อทองแดงเดิมๆ ครับ
| |||||||||
อื่นๆที่คล้ายกัน |
เหรียญหลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา หลังพระพุทธทรงปลา สร้างวัดเขาสะพานนาค ปี 2502 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นประธานปลุกเสกครับ เนื้อทองแดงเดิมๆ ครับ
จำนวนผู้เข้าชม : 12844 คน
รายละเอียด
เหรียญหลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา หลังพระพุทธทรงปลา สร้างวัดเขาสะพานนาค ปี 2502 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นประธานปลุกเสกครับ เนื้อทองแดงเดิมๆ ครับ รหัส : 323 ราคา : ขายแล้ว .- ประเภท : พระเครื่อง จ. พระนครศรีอยุธยา เหรียญหลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังพระพุทธทรงปลา ออกที่วัดเขาสะพานนาค เมื่อปี พ.ศ. 2502 อธิฐานจิตโดยคณาจารย์สายหลวงพ่อปาน โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นประธานครับ เหรียญหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลังพระพุทธทรงสัตว์ต่างๆ ออกที่วัดเขาสะพานนาค ซึ่งจัดสร้างเพื่อแจกเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมบูรณะวัดเขาสะพานนาค โดยวัดเขาสะพานนาคเป็นวัดที่หลวงพ่อปานร่วมกับคณะศิษย์สร้างขึ้น โดยขนาดความกว้างเหรียญ 2.2 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 3.2 ซ.ม. สนใจพูดคุยกันได้ที่ Line ID : suriyun07 หลวงพ่อปาน โสนันโท อริยะโลกที่6 “หลวงพ่อปาน โสนันโท” วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา พระเกจิอาจารย์เจ้าตำรับพระเครื่องทรงพาหนะสัตว์ และยันต์เกราะเพชร แม้จะมรณภาพไปแล้วเกือบ 80 ปี แต่นามยังเป็นที่กล่าวขวัญของคณะศิษย์และคนทั่วไป โดยเฉพาะชาวเมืองกรุงเก่า ต่างรักและหวงแหนในมงคลวัตถุของท่านอย่างยิ่ง และแทบทุกครัวเรือนต้องมีภาพถ่ายของท่านบูชาไว้เป็นมงคล หลวงพ่อปาน เป็นศิษย์ของหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เกจิดังแห่งพระนครศรีอยุธยา และหลวงพ่อเนียม วัดน้อย จ.สุพรรณบุรี และเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่-หลวงพ่อดังๆ หลายรูป ที่รู้จักกันดี คือ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านมีชื่อเดิมว่า “ปาน สุทธาวงศ์” เกิดวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2418 ที่ ต.บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรี อยุธยา ครอบครัวมีอาชีพทำนา เหตุที่ได้ชื่อว่า “ปาน” เพราะมีตำหนิ คือ ปานแดงที่นิ้วก้อยมือซ้าย ลักษณะเหมือนสวมปลอกนิ้วตั้งแต่โคนถึงปลายนิ้วมาแต่กำเนิด เมื่อยังเล็กเริ่มศึกษาอักขระจากพระในวัดบางนมโค จนเมื่ออายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดบางนมโค เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2438 โดยมีหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์จ้อย วัดบ้านแพน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์อุ่ม วัดสุทธาโภชน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ภายหลังอุปสมบทตั้งใจศึกษาวัตรปฏิบัติด้วยความขยันหมั่นเพียร สามารถท่องพระปาติโมกข์จนจบด้วยความคล่องแคล่ว ศึกษาวิทยาคมจากหลวงพ่อสุ่น เป็นเวลา 2 ปี แล้วไปขอเรียนบาลีไวยากรณ์ที่วัดเจ้าเจ็ดในกับท่านอาจารย์จีน ก่อนจะเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ ท่านไปพักอยู่กับพระอาจารย์เจิ่น วัดสระเกศ ร่ำเรียนทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ รวมทั้งความรู้ทางแพทย์แผนโบราณจนแตกฉาน จากนั้นกลับมาจำพรรษาที่วัดบางนมโค ในปี พ.ศ.2442 หลวงพ่อคล้าย เจ้าอาวาสวัดบางนมโคขณะนั้น มอบหน้าที่ให้เป็นครูสอนหนังสือ โดยริเริ่มจัดตั้งโรงเรียนสอนพระภิกษุ-สามเณรและเด็กวัด ตลอดจนลูกชาวบ้าน และรับหน้าที่ปกครองดูแลทั้งหมด ในยามว่างท่านใฝ่ใจศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐาน พร้อมทั้งยังไปขอศึกษาด้านกัมมัฏฐานเพิ่มเติมจากหลวงพ่อเนียม วัดน้อย พระเกจิชื่อดังเมืองสุพรรณบุรี หลวงพ่อปาน ยังเป็นพระนักเทศน์ฝีปากเอก ที่ผู้ฟังจะเกิดศรัทธาเลื่อมใส ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ การเทศน์ของท่านจะมีเหตุมีผล มีตัวอย่างยกมาเทียบเคียงให้เห็นผลดีผลเสีย สามารถเทศน์ให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษ และชี้ทางสว่างได้อย่างเข้าใจได้ง่าย กิจนิมนต์ของท่านมีแทบไม่ว่างเว้น และทุกครั้งที่ได้อดิเรกลาภเป็นสิ่งของหรือปัจจัย ท่านจะนำมาแจกจ่ายให้พระลูกวัด โดยไม่เก็บไว้ นอกจากความมีมานะ พูดจริงทำจริง อดทนต่อความยากลำบาก และมีจิตใจเข้มแข็ง กล้าหาญเด็ดขาด ทั้งเปี่ยมด้วยเมตตากรุณา ท่านยังชอบแสวงหาความรู้อยู่เสมอแล้ว ท่านเป็นนักก่อสร้าง นักพัฒนา หมอแผนโบราณ ฯลฯ การสร้างพระเครื่องวัตถุมงคล ท่านสร้างเพื่อเป็นการสืบพระพุทธศาสนาเป็นหลัก นอกเหนือไปจากสร้างเพื่อแจกจ่ายแก่บรรดาศิษย์นำไปบูชา เท่าที่มีหลักฐานและข้อมูลระบุว่า ท่านสร้างพระเครื่องเป็นครั้งแรกประมาณปี พ.ศ.2450 มีด้วยกันหลายพิมพ์ วงการพระเรียกกันว่า “พิมพ์โบราณ” ต่อมา พ.ศ.2460 จึงสร้างรุ่น 2 ให้มีรูปแบบสวยงามกว่าครั้งแรก แบ่งเป็น 6 พิมพ์หลัก คือ ทรงไก่ ทรงครุฑ ทรงหนุมาน ทรงปลา ทรงเม่น และทรงนก แต่ละพิมพ์ยังแยกย่อยออกไปอีกหลายพิมพ์ พิมพ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ “พิมพ์ทรงไก่” พระเครื่องหลวงพ่อปาน กลายเป็นพิมพ์นิยมในวงการพระเครื่องมาจนถึงปัจจุบัน อายุ 61 ปี หลวงพ่อปาน เริ่มอาพาธและแจ้งให้บรรดาศิษย์ทราบว่าอีก 3 ปี ท่านจะมรณภาพในวันแรม 14 ค่ำ เดือน 8 เวลา 6 โมงเย็น กระทั่งครบปีที่ 3 ย่างเข้าเดือน 8 ท่านเกิดอุบัติเหตุหกล้มแล้วเริ่มอาพาธ ครั้นพอเวลา 6 โมงเย็น วันแรม 14 ค่ำ เดือน 8 ถึงกาลมรณภาพโดยสงบด้วยวัย 64 ปี ท่านมรณภาพวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 สิริอายุ 63 ปี พรรษา 43 เสียงกำชับเตือนใจที่ให้แก่ศิษย์เป็นครั้งสุดท้าย ท่านขอ 2 อย่าง คือ “อย่าดื่มสุรา และอย่าลักขโมย ประพฤติเป็นโจร” ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด คอลัมน์พระเครื่อง วันที่ 22 ตุลาคม 2559
เมื่อวันที่ : 2022-10-17 10:30:57 |