mungmee-pradee.com=> พระเครื่องโชว์ครับ -> เหรียญหน้าเสือหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ จ.นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2523 เนื้อทองแดงรมดำ สภาพสวยเดิมๆ สร้างน้อยหายากครับ


เหรียญหน้าเสือหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ จ.นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2523 เนื้อทองแดงรมดำ สภาพสวยเดิมๆ สร้างน้อยหายากครับ

FaceBook Twitter
จำนวนผู้เข้าชม : 24093 คน

เหรียญหน้าเสือหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ จ.นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2523 เนื้อทองแดงรมดำ สภาพสวยเดิมๆ สร้างน้อยหายากครับ

เหรียญหน้าเสือหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ จ.นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2523 เนื้อทองแดงรมดำ สภาพสวยเดิมๆ สร้างน้อยหายากครับ

เหรียญหน้าเสือหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ จ.นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2523 เนื้อทองแดงรมดำ สภาพสวยเดิมๆ สร้างน้อยหายากครับ

เหรียญหน้าเสือหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ จ.นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2523 เนื้อทองแดงรมดำ สภาพสวยเดิมๆ สร้างน้อยหายากครับ


เนื้อหาและข้อมูล

เหรียญหน้าเสือหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ จ.นครปฐม รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2523 เนื้อทองแดงรมดำ สภาพสวยเดิมๆ สร้างน้อยหายากครับ

รหัส : 653

ประเภท : พระเครื่องโชว์ครับ

ประวัติ หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นามเดิม เปิ่น นามสกุล ภู่ระหงษ์ เกิดวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2466 เดือน 9 ปีกุน ณ บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 4 ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นบุตรของนายฟัก นางยวง ภู่ระหงษ์ เป็นบุตรคนที่ 9 ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกันรวม 10 คน หลวงพ่อเปิ่นสนใจในเรื่องของไสยศาสตร์ มาตั้งแต่สมัยเด็กอาศัยว่าครอบครัวของท่านอยู่ใกล้กับวัดบางพระซึ่งในสมัยนั้นมีพระคุณเจ้าที่จำพรรษาอยู่ที่วัดบางพระ มีความเก่งกาจมีความเชี่ยวชาญในสายไสยศาสตร์หลายองค์ เด็กชายเปิ่นจึงเข้าออกเพื่อความอยากรู้อยากใฝ่หาในวิชาอยู่กับวัดบางพระเป็นประจำ นายเปิ่น ศึกษาวิชากับหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ได้รับการถ่ายทอดยาสมุนไพรรักษาโรค คาถาอาคมต่างๆ โดยเฉพาะวิชาสักยันต์อันเกรียงไกร จากหลวงพ่อหิ่ม อินฺทโชโต เจ้าอาวาสวัดบางพระ ซึ่งท่านรักและเมตตาศิษย์หลวงพ่อเปิ่นเป็นพิเศษ วิชาการต่างๆ ท่านจึงถ่ายทอดให้โดยไม่ปิดบัง 23 พฤษภาคม พ.ศ.2491 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 ปีกุน จึงเข้าสู่บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมีเจ้าอธิการหิ่ม อินทโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองอยู่ ปทุมรัตน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตฺธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อเปิ่น ได้นามว่า “พระฐิตคุโณ” การศึกษาเล่าเรียนใดๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แม้หลวงพ่อเปิ่นได้รับจากหลวงพ่อหิ่มมาก็ยังไม่อิ่มในรสแห่งพระธรรม เสร็จจากงานฌาปนกิจศพของหลวงพ่อหิ่มแล้ว ก็ตั้งใจจะแสวงสัจจะธรรมต่อไปอีก 
หลวงพ่อเปิ่นได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี (พระมหาชวน)วัดบางมด ซึ่งได้อบรมแนะนำสั่งสอนพระกัมมัฎฐาน ศึกษาปฏิบัติกับหลวงพ่อโอภาสีเป็นเวลา 1 ปีเศษ หลวงพ่อเปิ่นก็กราบลาเพื่อออกธุดงค์วัตรต่อไปทางภาคเหนือของประเทศไทย แล้วธุดงค์ลงใต้พบอาจารย์ที่ไหน ก็จะเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาธรรมจากท่าน ย้อนกลับขึ้นมาที่สุราษฎร์ธานี ได้กราบนมัสการหลวงพ่อพุทธทาส แห่งสวนโมกข์ และหลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย  หลังจากนั้นข่าวคราวของหลวงพ่อเปิ่นเงียบหายไปอย่างสนิท กระทั่งปลายปี พ.ศ.2504 บ่ายแก่ของวันหนึ่ง พระธุดงค์วัยเกือบสี่สิบมาปักกลดอยู่ชายทุ่งใกล้กับวัดทุ่งนางหรอก อ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี พระธุดงค์องค์นี้ได้สร้างศรัทธาให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมากมาย ทั้งปฏิปทาที่เคร่ง ทั้งสายวิชาพระเวทย์ ทั้งยาสมุนไพรช่วยเหลือชาวบ้าน ยิ่งเกิดศรัทธาอันสูงสุดของชาวบ้านที่พุ่งตรงสู่พระธุดงค์รูปนี้  หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ คือองค์พระธุดงค์องค์นั้น ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี หลวงพ่อเปิ่นได้พัฒนาวัดทุ่งนางหรอก อ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ในช่วงดังกล่าวท่านเกิดป่วยกะทันหัน จำเป็นต้องเข้ามารักษาตัวในเมือง ท่านจึงได้กลับมารักษาตัวที่วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี       จ.นครปฐม ตั้งใจไว้ว่าเมื่อหายป่วยดีแล้วก็จะกลับไปพัฒนาส่วนอื่นที่จะต้องทำอีกต่อไป เมื่อหายป่วยดีแล้วก็ตั้งใจจะกราบลาพระอาจารย์เพื่อเดินทางกลับไป ประจวบเหมาะกับที่ชาวบ้านวัดโคกเขมา มาขอพระภิกษุจากพระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตธัมโม ไปเป็นเจ้าอาวาสเพื่อพัฒนาวัด คณะสงฆ์ใน ต.แหลมบัว ออกประกาศและแต่งตั้งให้ หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2509 และนี่เป็นจุดแห่งบุญญาบารมีและชื่อเสียงของหลวงพ่อเปิ่นเมื่อเข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา หลวงพ่อเปิ่นได้เริ่มพัฒนาวัด ก่อสร้างเสนาสนะ ซ่อมแซมปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เกิดด้วยแรงศรัทธาของประชาชนที่มีต่อหลวงพ่อเปิ่น ในเวลานั้นและที่วัดโคกเขมานี่เอง หลวงพ่อเปิ่น ได้สร้างพระเครื่องเป็นครั้งแรกปัจจุบันพระเครื่องหลวงพ่อเปิ่นรุ่นนี้ของวัดโคกเขมาหายากมาก เพราะเป็นพระเครื่องที่มีประสบการณ์ สร้างอภินิหารให้ผู้เช่าบูชาได้ประจักษ์ หลังจากรุ่นรูปหล่อเนื้อทองแดงของท่านแล้ว พระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ จากวัดโคกเขมา จึงออกมาอีกเพื่อให้ศิษย์และประชาชนทั่วไปได้เช่าหาบูชากัน เพื่อนำเงินบำรุงพัฒนาวัด ที่วัดโคกเขมาได้จัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่นทั้งเนื้อผง สมเด็จ รูปหล่อเหรียญ พระบูชาพระสังกัจจายน์ ทุกอย่างทุกองค์ที่หลวงพ่อสร้างมีค่ายิ่งสำหรับชาวบ้านที่รับไป สิ่งที่เป็นตำนานกล่าวขานกันอย่างไม่มีวันจบสิ้นจวบจนปัจจุบัน ตั้งแต่วัดโคกเขมาเป็นต้นมาก็คือ “การสักยันต์” หลวงพ่อเปิ่นในสมัยที่ท่านยังมิได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์ หลวงพ่อเปิ่นท่านลงมือสักลงอักขระเวทด้วยตัวท่านเองมาภายหลังหลวงพ่อได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการสักยันต์ให้แก่ศิษย์เป็นองค์สักแทน แล้วหลวงพ่อเปิ่นเพียงทำพิธีครอบให้เท่านั้น เรื่องการสักยันต์ของหลวงพ่อเปิ่นกล่าวเพียงบทสรุปว่าชอบ เสือ ด้วยเหตุผลที่บอกเพียงสั้นๆ แก่ศานุศิษย์ว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีอำนาจเพียงเสียงคำรามของเสือ สัตว์ทั้งหลายก็สงบเงียบ กลิ่นของเสือสัตว์ทั้งหลายเมื่อรับสัมผัสจะยอมในทันที หลีกทันก็ต้องหลีก จัดอยู่ในมหาอำนาจเสือรูปร่างสง่างาม เต็มไปด้วยอำนาจบารมี จัดอยู่ในมหานิยม ที่สำคัญหลวงพ่อเปิ่นเคยประจันหน้ากับเสือมาแล้ว กลางป่าลึกระหว่างธุดงค์วัตรแถวป่าใหญ่จังหวัดกาญจนบุรี จึงเกิดความประทับใจตั้งแต่นั้นมา เมื่อหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต มรณภาพลงและหลวงพ่อเปิ่นออกจาริกแสวงธรรมทางวัดบางพระเงียบเหงาลง ต่อมา “หลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน์” พระกรรมวาจาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น ได้เป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่หิ่มจนมรณภาพลงในปี พ.ศ.2516 เจ้าอาวาสวัดบางพระ จึงว่างลง ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันไปกราบอาราธนาหลวงพ่อเปิ่นให้กลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางพระ ซึ่งในตอนแรกหลวงพ่อเปิ่นไม่ยอมมาด้วยสาเหตุว่าไม่มีใครดูแลวัดโคกเขมา ซึ่งเป็นเหมือนกับวัดที่ท่านสร้างขึ้นมาใหม่ ภาระและความรับผิดชอบยังอยู่ที่ท่าน กล่าวกันว่าชาววัดโคกเขมา เมื่อทราบว่าหลวงพ่อเปิ่นท่านจะต้องกลับไปพัฒนาวัดบางพระ ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่านเสียดายก็เสียดายทำอย่างไรได้เมื่อเหตุมันเกิดก็ต้องยอมแต่ยังอุ่นใจอยู่ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นไปกราบปรึกษาหารือท่านก็คิดว่าจะได้รับคำแนะนำที่ดีมีประโยชน์ บางทีท่านอาจจะลงมือมาช่วยได้อีก ในที่สุดหลวงพ่อเปิ่นท่านก็กลับมาพัฒนาวัดบางพระ สมเจตนาของชาวบ้านบางพระ นั่นคือการจบวิถีชีวิตการธุดงค์ของหลวงพ่อเปิ่น ในวันที่ 2 ธันวาคม พุทธศักราช 2523 ให้พระฎีกาเปิ่น วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม เป็น “พระครูฐาปนกิจสุนทร” ช่วงนี้ นี้เองที่วัดบางพระมีการออกพระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อเปิ่นเพื่อทดแทนในน้ำใจแห่งศรัทธาที่ศิษยานุศิษย์และชาวบ้านได้ร่วมกันในการพัฒนาวัดบางพระนั่นเอง
ในวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2537 หลวงพ่อเปิ่นท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณะศักดิ์จากพระครูฐาปนกิจสุนทร เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ เป็น “พระอุดมประชานาถ” ด้วยการพัฒนาวัดและชุมชนมาโดยตลอด ทางมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย ถวายปริญญาบัตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์ ณ วันที่ 7 พฤษภาคม พุทธศักราช 2538 แก่องค์หลวงพ่อเปิ่น แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อเปิ่นได้เป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นพระสงฆ์ของประชาชนโดยแท้ ท่านไม่ทิ้งธุระทางการศึกษาพัฒนาสาธารณะประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษาไว้มากเพื่อเป็นแนวทางแก่พระภิกษุ –สามเณรในพระพุทธศาสนา
ในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2545 เวลา 10.55 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ หลวงพ่อเปิ่นได้ละสังขารด้วยอายุ 79 ปี 54 พรรษา ยังความอาลัย เศร้าโศก เสียใจแก่ปุถุชนจิต แต่ได้แสดงให้เห็นถึงมรณัสสติแก่ศิษยานุศิษย์ คุณงามความดีที่หลวงพ่อเปิ่นท่านได้กระทำไว้ในพระพุทธศาสนามากมาย จะเป็นตำนานแห่งแผ่นดินสยามในทุกๆ เรื่องเป็นเครื่องเตือนสติให้พุทธศาสนิกชนได้รู้จักและปฏิบัติสืบสานกันต่อไป.
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก thaipra.wordpress.com / th.wikipedia.org เรียบเรียงโดย อุทัย เลิกสันเทียะ
 



  เมื่อวันที่ : 2018-06-05 11:42:48


สนใจติดต่อโทร : 081-840-4168

Line ID : Suriyun07

คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการชำระเงิน