พระเครื่องโชว์ครับ

เนื้อหาและข้อมูล

      เหรียญพระธาตุเจ้าจอมทอง รุ่นแรก วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร (วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง)
อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พิมพ์เล็กเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง โดยเหรียญมีขนาดความกว้าง 1.9 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 3.1 ซ.ม.
     วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือ และเป็นที่ตั้งของพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีชวด (ปีหนู) โดยมีความสำคัญทางพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระทักษิณโมลีธาตุ พระธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดเท่าเมล็ดพุทรา สัณฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือนดอกบวบ หรือสีคล้ายดอกพิกุลแห้ง
 

เนื้อหาและข้อมูล

     เหรียญพระชัยหลังช้าง หลังพระนามย่อ ภปร. พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2530 ซึ่งคณะสงฆ์ร่วมกันจัดสร้างขึ้นในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินธโร) วัดสามพระยา เป็นประธานในนามคณะสงฆ์ทั้ง 2 นิกาย เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และเปิดโอกาสให้ปวงชนชาวไทยได้ร่วมบุญเช่าบูชา รายได้ทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศล
     สำหรับการประกอบพิธีพุทธาภิเษก ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2530 ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ มีการนิมนต์พระเถราจารย์กว่า 80 รูป ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน จ.พระนครศรีอยุธยา พระครูสันติ วรญาณ (สิม) วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่ พระอุดมสังวรเถร (อุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี พระครูฐาปนกิจสุนทร (เปิ่น) วัดบางพระ จ.นครปฐม หลวงปู่ม่น วัดเนินตาหมาก จ.ชลบุรี พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม) วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม พระครูปริมานุรักษ์ (พูล) วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เป็นต้น
     เหรียญพระชัยหลังช้าง หลังพระนามย่อ ภปร. ปี พ.ศ.2530 นั้น จัดสร้างมีเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อกะไหล่ทอง ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มทรงกลม รูปไข่ หูห่วง และทำเป็นลักษณะรูปเศตรฉัตร  ด้านหน้า ประดิษฐานรูปพระชัยวัฒน์ ที่เรียกกันว่า “พระชัยหลังช้าง” ด้านหลังเป็นพระปรมาภิไธย “ภปร.” มีอักษรปรากฏบนเหรียญว่า “5 ธันวาคม 2530” และ “คณะสงฆ์สร้างในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ” โดยเหรียญมีขนาดความกว้าง 2.2 ซม. ความสูงถึงหูเหรียญ 3.7 ซ.ม. ครับ
 

เนื้อหาและข้อมูล

     เหรียญหลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รุ่นที่ 3 ปี พ.ศ.2521 เสือหางตรง เนื้อทองแดงกะไหล่ทองครับ โดยเหรียญมีขนาดความกว้าง 2.5 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 3.7 ซ.ม. ครับ
 

เนื้อหาและข้อมูล

     เหรียญจิ๊กโก๋ใหญ่หลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ (พระราชธรรมาภรณ์) วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม ปี พ.ศ. 2511 เนื้ออัลปาก้าครับ โดยเหรียญมีขนาดความกว้าง 4 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 4.5 ซ.ม. ครับ
 

เนื้อหาและข้อมูล

     เหรียญหันข้างหลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ (พระราชธรรมาภรณ์) วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม รุ่นฉลองอายุ 80 ปี พ.ศ. 2513 เนื้อทองแดงบล็อกทองคำครับ เหรียญที่ 1 โดยเหรียญมีขนาดความกว้าง 2.6 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 3.5 ซ.ม. ครับ
 

เนื้อหาและข้อมูล

     เหรียญหันข้างหลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ (พระราชธรรมาภรณ์) วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม รุ่นฉลองอายุ 80 ปี พ.ศ. 2513 เนื้อทองแดงบล็อกทองคำครับ เหรียญที่ 1 โดยเหรียญมีขนาดความกว้าง 2.6 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 3.5 ซ.ม. ครับ
 

เนื้อหาและข้อมูล

พระขุนแผนหลวงปู่โทน กันตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ปี พ.ศ.2549 เนื้อผง 7 ป่าช้ากล่องเดิมครับ โดยองค์พระมีขนาดความกว้าง 2.5 ซ.ม. ความสูงขององค์พระ 4 ซ.ม. สนใจคุยกันได้ที่ Line ID : suriyun07
 

เนื้อหาและข้อมูล

พระผงพิมพ์หัวโต หลวงปู่โทน กันตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี รุ่นฉลองกฐิน ปี พ.ศ.2550 เนื้อผงกล่องเดิมครับ โดยองค์พระขนาดความกว้าง 2.7 ซ.ม. ความสูงองค์พระ 4.2 ซ.ม. ครับ
 
พระผงพิมพ์หัวโต หลวงปู่โทน กันตสีโล เขาน้อยคีรีวัน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
     พระผงพิมพ์นี้สร้างด้วยความพิถีพิถันของหลวงปู่โทน ซึ่งหลวงปู่ตั้งใจสร้างเมื่อปี พ.ศ.2549 เพื่อแจก ผู้มาร่วมงานกฐินปี พ.ศ.2550 ผงพระชุดนี้หลวงปู่ได้เตรียมมวลสารมานานแล้ว มีส่วนผสมต่างๆ ดังนี้
1. ผงพรายกุมารตำหรับหลวงปู่ทิม (ตายท้องกลมวันเสาร์เผาวันอังคาร)
2. ผงว่าน และ เกสรว่านขุนแผน ว่านช้างผสมโขลง ว่านดอกทอง เถาวัลย์หลง ว่านสาวหลง ว่านเสน่ห์จันทร์ทั้งหลาย ห้าร้อยนาง เป็นต้น
3. ผงกะลาไม่มีตา
4. สีผึ้งหลวงปู่
5. ผงพุทธคุณที่หลวงปู่ได้เตรียมไว้
     การผสมผงและการกดพิมพ์ หลวงปู่ท่านให้อาจารย์นวล เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเป็นผู้ควบคุมอย่างเข้มงวด ปลุกเสกเดี่ยวเต็มไตรมาส จึงเป็นพระผงที่น่าสะสมอีกรุ่นของหลวงปู่ มีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดปลอดภัย และการค้าขายครับ
 

เนื้อหาและข้อมูล

เหรียญตาลปัตรหลวงปู่โทน กันตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี รุ่นอายุครบ 7 รอบ ปี พ.ศ.2549 เนื้อนวโลหะ หมายเลข 128 ครับ โดยเหรียญมีขนาดความกว้าง 2.5 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 4.1 ซ.ม. สนใจคุยกันได้ที่ Line ID : suriyun07
 

เนื้อหาและข้อมูล

เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่มั่น ทัตโต วัดบ้านโนนเจริญ พิมพ์ใหญ่โค๊ด "ม" ปี พ.ศ. 2519 อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี เนื้อทองแดงครับ ขนาดความกว้างเหรียญ 2.3 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 3.6 ซ.ม.
 

เนื้อหาและข้อมูล

     ด้านหน้าเหรียญเป็นพระบรมรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า ในรัชกาลที่ 9) พระชนมายุครบ 75 พรรษา ปี พ.ศ. 2519 (หน้าเหรียญจะระบุปี พ.ศ. 2518) ด้านหลังเหรียญเป็นตราพระนามาภิไธยย่อประจำพระองค์  ส.ว. อักษรด้านบน ประเทศไทย ด้านล่าง วันที่ 21 ตุลาคม 2518 ชนิดราคา 150 บาท เนื้อเงิน จำนวนการสร้าง 2 แสนเหรียญ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 ซ.ม. หายาก สนใจพูดคุยกันได้ที่ Line ID : suriyun07
 
     ประวัติการสร้างเหรียญสมเด็จย่า
เหรียญรุ่นที่ 1
เหรียญกษาปณ์ สมเด็จย่า ผลิตเป็นที่ระลึก เป็นคราวแรกใน ปี พ.ศ. 2519 (หน้าเหรียญจะระบุปี 2518) เป็นเหรียญที่ระลึกพระชนมายุครบ 75 พรรษา มีเหรียญออกมา 2 ชนิดราคา คือ
1) เนื้อเงิน หน้าเหรียญ 150 บาท จำนวนการผลิต 2 แสนเหรียญ ซึ่งเหรียญที่มีราคาหน้าเหรียญ 150 บาทในยุคนั้นนับว่า แพงมาก
2) เนื้อนิเกิ้ล หน้าเหรียญ 1 บาท จำนวนการผลิต 9 ล้านเหรียญ
เหรียญรุ่นที่ 2
เหรียญสมเด็จย่า ฉลองพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อปี 2523 มี 2 ชนิดราคา คือ
1) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 10 บาท จำนวนการผลิต 1.288 ล้านเหรียญ
2) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 5 บาท จำนวนการผลิต 3.504 ล้าน
เหรียญรุ่นที่ 3
เหรียญสมเด็จย่า ฉลองพระชนมายุครบ 84 พรรษา เมื่อปี 2527 มีทั้งสิ้น 4 ชนิดราคา คือ
1) ทองคำ ราคา 6,000 บาท แบบธรรมดาผลิต 825 เหรียญ และแบบ ขัดเงา ผลิตออกมาเพียง 246 เหรียญ
2) เนื้อเงิน ชนิดราคา 600 บาท แบบธรรมดา ผลิต 3,530 เหรียญและแบบขัดเงา ผลิตเพียง 520 เหรียญเท่านั้น
3) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 10 บาท แบบธรรมดาผลิต 2 แสนเหรียญ และ แบบขัดเงาผลิต 3,492 เหรียญ
4) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 5 บาท แบบ ธรรมดาผลิต 6 แสนเหรียญ และ แบบขัดเงาผลิต น้อยมากๆๆ ไม่ทราบจำนวน ราคาตามใจเจ้าของ
เหรียญรุ่นที่ 4
เหรียญสมเด็จย่า ฉลองพระชนมายุครบ 90 พรรษาในปี 2533 มี 2 เนื้อ 3 ชนิดราคา คือ
1) เนื้อเงิน ชนิดราคา 600 บาท แบบธรรมดาผลิต 2 หมื่นเหรียญ และ แบบขัดเงาผลิต 2,811 เหรียญ
2) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 10 บาท แบบธรรมดาผลิต 5 แสนเหรียญ แบบขัดเงาผลิต 6,076 เหรียญ
3) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 2 บาท จำนวนการผลิต ราว 2 ล้านเหรียญ
เหรียญรุ่นที่ 5
เหรียญสมเด็จย่า สุขภาพดีถ้วนหน้า เป็นเหรียญทำเป็นที่ระลึกในวาระ ได้รับทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองแห่งสุขภาพดีถ้วนหน้าจาก UN ในปี 2534 มี 3 เนื้อ 4 ชนิดราคา คือ
1) ทองคำ ราคา 6,000 บาท แบบธรรมดาผลิต 5,000 เหรียญ และแบบ ขัดเงา ผลิตออกมาเพียง 604 เหรียญ
2) เนื้อเงิน ชนิดราคา 600 บาท แบบธรรมดา ผลิต 25,000 เหรียญและแบบขัดเงา ผลิตเพียง 596 เหรียญเท่านั้น
3) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 10 บาท แบบธรรมดาผลิต 8 แสนเหรียญ และ แบบขัดเงาผลิต 4,011 เหรียญ
4) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 2 บาท แบบ ธรรมดาผลิต 2 ล้านเหรียญ
เหรียญรุ่นที่ 6
เหรียญ 100 ปี วันพระราชสมภพสมเด็จย่า เมื่อปี 2543 มี 2 ชนิดราคา คือ
1) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 20 บาท แบบธรรมดา ผลิตราว 1 ล้านเหรียญ และ แบบขัดเงิน ผลิตราว 1 หมื่นเหรียญ
2) เหรียญสองสี ชนิดราคา 10 บาท จำนวนการผลิต 3 ล้านเหรียญ
เหรียญรุ่นที่ 7
เหรียญ 9 รอบนักษัตร วันพระราชสมภพสมเด็จย่า เมื่อปี พ.ศ. 2552 มี 3 เนื้อ 3 ชนิดราคา คือ
1) ทองคำ ราคา 16,000 บาท แบบธรรมดาผลิต 1,200 เหรียญ และแบบ ขัดเงา ผลิตออกมาเพียง 400 เหรียญ
2) เนื้อเงิน ชนิดราคา 800 บาท แบบธรรมดา ผลิต 11,200 เหรียญและแบบขัดเงา ผลิตเพียง 1,800 เหรียญเท่านั้น
3) เนื้อนิเกิ้ล ชนิดราคา 20 บาท แบบธรรมดาผลิต 4.5 แสนเหรียญ และ แบบขัดเงาผลิต 5,500 เหรียญ
     และทั้งหมดคือเหรียญสมเด็จย่าฯ ที่ผลิตขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 9 มีทั้งหมด 7 รุ่น หากใครไล่เก็บเฉพาะเนื้อนิเกิ้ลแบบธรรมดา ก็น่าจะหาครบชุดได้ไม่ยากและราคาไม่สูง แต่คุณค่า ทางประวัติศาสตร์และดีต่อใจ เช่นเดียวกัน
     ขอขอบคุณ ข้อมูลจากหนังสือกษาปณ์เมืองสยาม
 

เนื้อหาและข้อมูล

พระสมเด็จพิมพ์ขาโต๊ะ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา รุ่นแช่น้ำมนต์ แซยิด 6 รอบ 72 ปี พ.ศ. 2536 ฝังตะกรุดทองคำ สภาพสวยมากพร้อมกล่องกำมะหยี่เดิมๆ ครับ เป็นพระเนื้อผงอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมในกลุ่มศิษย์ของหลวงพ่อ  ซึ่งจัดสร้างในวาระที่หลวงพ่อท่านมีอายุครบ 6 รอบ 72 ปี ในวันที่ 4 ตุลาคม 2537 โดยทางวัดบ้านไร่  จัดสร้างขึ้นเองโดยการนำพระแช่น้ำมนต์แล้วหลวงพ่อท่านเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสก  เป็นเวลานานถึง 72 วัน แล้วจึงนำออกให้บูชาเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2537 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดของหลวงพ่อ จัดสร้างวัตถุมงคลทั้งหมด 5 แบบ สำหรับพระผงสมเด็จพิมพ์ขาโต๊ะ สร้างจำนวน 15,500 องค์ ขนาดความกว้างขององค์พระ 2.3 ซ.ม. ความสูงขององค์พระ 3.3 ซ.ม. ครับ (Line ID : suriyun07)
 

เนื้อหาและข้อมูล

           หลวงพ่อเกษร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พุทธศิลป์เป็นแบบอู่ทอง ประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าพระ    จ.กรุงเทพฯ ดำรงความเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้าน คู่เมืองของชาวตลาดพลู และพื้นที่ละแวกใกล้เคียงแต่ครั้งโบราณกาลสืบมาจนถึงปัจจุบัน เหรียญหลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ จัดสร้างกันมาหลายรุ่น แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ รุ่นแรก รุ่นสอง และ รุ่นสาม  สำหรับรุ่นสามนี้มีพิธีพุทธาภิเษกที่ใหญ่มาก มีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมพิธีมากมาย อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร หลวงพ่อโชติ วัดตะโน ฯลฯ พร้อมด้วยพระเกจิที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย
          เหรียญหลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ ร่ำลือกันว่า มีพุทธคุณโดดเด่นด้านความเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดอันตรายเป็นที่สุด พ่อค้าแม่ค้ารุ่นเก่าย่านตลาดพลู เขตท่าพระ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ใครมีเหรียญหลวงพ่อเกษร วัดท่าพระ ทำมาค้าขึ้นทุกคน"
          เหรียญหลวงพ่อเกษร รุ่น 3 นี้ จัดสร้างด้วยกัน 2 บล็อค คือ
1) บล็อกเลข ๓ นูน คือด้านหลังจะมีเลข ๓ ปั๊มนูนมาจากบล็อกปั๊ม (บล็อกนี้หายาก และราคาจะแพงกว่าหลายเท่าตัวในเหรียญที่สวย)
2) บล็อกเลข ๓ จมคือด้านหลังจะตอกโค๊ตเลข ๓ จมลงไปในเนื้อเหรียญครับ
ขนาดความกว้างเหรียญ 1.9 ซม. ความสูงถึงหูเหรียญ 2.9 ซม. สนใจพูดคุยกันได้ที่ Line ID : suriyun07

 

เนื้อหาและข้อมูล

ประวัติ หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นามเดิม เปิ่น นามสกุล ภู่ระหงษ์ เกิดวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2466 เดือน 9 ปีกุน ณ บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 4 ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นบุตรของนายฟัก นางยวง ภู่ระหงษ์ เป็นบุตรคนที่ 9 ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกันรวม 10 คน หลวงพ่อเปิ่นสนใจในเรื่องของไสยศาสตร์ มาตั้งแต่สมัยเด็กอาศัยว่าครอบครัวของท่านอยู่ใกล้กับวัดบางพระซึ่งในสมัยนั้นมีพระคุณเจ้าที่จำพรรษาอยู่ที่วัดบางพระ มีความเก่งกาจมีความเชี่ยวชาญในสายไสยศาสตร์หลายองค์ เด็กชายเปิ่นจึงเข้าออกเพื่อความอยากรู้อยากใฝ่หาในวิชาอยู่กับวัดบางพระเป็นประจำ นายเปิ่น ศึกษาวิชากับหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ได้รับการถ่ายทอดยาสมุนไพรรักษาโรค คาถาอาคมต่างๆ โดยเฉพาะวิชาสักยันต์อันเกรียงไกร จากหลวงพ่อหิ่ม อินฺทโชโต เจ้าอาวาสวัดบางพระ ซึ่งท่านรักและเมตตาศิษย์หลวงพ่อเปิ่นเป็นพิเศษ วิชาการต่างๆ ท่านจึงถ่ายทอดให้โดยไม่ปิดบัง 23 พฤษภาคม พ.ศ.2491 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 ปีกุน จึงเข้าสู่บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมีเจ้าอธิการหิ่ม อินทโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองอยู่ ปทุมรัตน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตฺธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อเปิ่น ได้นามว่า “พระฐิตคุโณ” การศึกษาเล่าเรียนใดๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แม้หลวงพ่อเปิ่นได้รับจากหลวงพ่อหิ่มมาก็ยังไม่อิ่มในรสแห่งพระธรรม เสร็จจากงานฌาปนกิจศพของหลวงพ่อหิ่มแล้ว ก็ตั้งใจจะแสวงสัจจะธรรมต่อไปอีก 
หลวงพ่อเปิ่นได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี (พระมหาชวน)วัดบางมด ซึ่งได้อบรมแนะนำสั่งสอนพระกัมมัฎฐาน ศึกษาปฏิบัติกับหลวงพ่อโอภาสีเป็นเวลา 1 ปีเศษ หลวงพ่อเปิ่นก็กราบลาเพื่อออกธุดงค์วัตรต่อไปทางภาคเหนือของประเทศไทย แล้วธุดงค์ลงใต้พบอาจารย์ที่ไหน ก็จะเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาธรรมจากท่าน ย้อนกลับขึ้นมาที่สุราษฎร์ธานี ได้กราบนมัสการหลวงพ่อพุทธทาส แห่งสวนโมกข์ และหลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย  หลังจากนั้นข่าวคราวของหลวงพ่อเปิ่นเงียบหายไปอย่างสนิท กระทั่งปลายปี พ.ศ.2504 บ่ายแก่ของวันหนึ่ง พระธุดงค์วัยเกือบสี่สิบมาปักกลดอยู่ชายทุ่งใกล้กับวัดทุ่งนางหรอก อ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี พระธุดงค์องค์นี้ได้สร้างศรัทธาให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมากมาย ทั้งปฏิปทาที่เคร่ง ทั้งสายวิชาพระเวทย์ ทั้งยาสมุนไพรช่วยเหลือชาวบ้าน ยิ่งเกิดศรัทธาอันสูงสุดของชาวบ้านที่พุ่งตรงสู่พระธุดงค์รูปนี้  หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ คือองค์พระธุดงค์องค์นั้น ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี หลวงพ่อเปิ่นได้พัฒนาวัดทุ่งนางหรอก อ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ในช่วงดังกล่าวท่านเกิดป่วยกะทันหัน จำเป็นต้องเข้ามารักษาตัวในเมือง ท่านจึงได้กลับมารักษาตัวที่วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี       จ.นครปฐม ตั้งใจไว้ว่าเมื่อหายป่วยดีแล้วก็จะกลับไปพัฒนาส่วนอื่นที่จะต้องทำอีกต่อไป เมื่อหายป่วยดีแล้วก็ตั้งใจจะกราบลาพระอาจารย์เพื่อเดินทางกลับไป ประจวบเหมาะกับที่ชาวบ้านวัดโคกเขมา มาขอพระภิกษุจากพระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตธัมโม ไปเป็นเจ้าอาวาสเพื่อพัฒนาวัด คณะสงฆ์ใน ต.แหลมบัว ออกประกาศและแต่งตั้งให้ หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2509 และนี่เป็นจุดแห่งบุญญาบารมีและชื่อเสียงของหลวงพ่อเปิ่นเมื่อเข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา หลวงพ่อเปิ่นได้เริ่มพัฒนาวัด ก่อสร้างเสนาสนะ ซ่อมแซมปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เกิดด้วยแรงศรัทธาของประชาชนที่มีต่อหลวงพ่อเปิ่น ในเวลานั้นและที่วัดโคกเขมานี่เอง หลวงพ่อเปิ่น ได้สร้างพระเครื่องเป็นครั้งแรกปัจจุบันพระเครื่องหลวงพ่อเปิ่นรุ่นนี้ของวัดโคกเขมาหายากมาก เพราะเป็นพระเครื่องที่มีประสบการณ์ สร้างอภินิหารให้ผู้เช่าบูชาได้ประจักษ์ หลังจากรุ่นรูปหล่อเนื้อทองแดงของท่านแล้ว พระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ จากวัดโคกเขมา จึงออกมาอีกเพื่อให้ศิษย์และประชาชนทั่วไปได้เช่าหาบูชากัน เพื่อนำเงินบำรุงพัฒนาวัด ที่วัดโคกเขมาได้จัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่นทั้งเนื้อผง สมเด็จ รูปหล่อเหรียญ พระบูชาพระสังกัจจายน์ ทุกอย่างทุกองค์ที่หลวงพ่อสร้างมีค่ายิ่งสำหรับชาวบ้านที่รับไป สิ่งที่เป็นตำนานกล่าวขานกันอย่างไม่มีวันจบสิ้นจวบจนปัจจุบัน ตั้งแต่วัดโคกเขมาเป็นต้นมาก็คือ “การสักยันต์” หลวงพ่อเปิ่นในสมัยที่ท่านยังมิได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์ หลวงพ่อเปิ่นท่านลงมือสักลงอักขระเวทด้วยตัวท่านเองมาภายหลังหลวงพ่อได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการสักยันต์ให้แก่ศิษย์เป็นองค์สักแทน แล้วหลวงพ่อเปิ่นเพียงทำพิธีครอบให้เท่านั้น เรื่องการสักยันต์ของหลวงพ่อเปิ่นกล่าวเพียงบทสรุปว่าชอบ เสือ ด้วยเหตุผลที่บอกเพียงสั้นๆ แก่ศานุศิษย์ว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีอำนาจเพียงเสียงคำรามของเสือ สัตว์ทั้งหลายก็สงบเงียบ กลิ่นของเสือสัตว์ทั้งหลายเมื่อรับสัมผัสจะยอมในทันที หลีกทันก็ต้องหลีก จัดอยู่ในมหาอำนาจเสือรูปร่างสง่างาม เต็มไปด้วยอำนาจบารมี จัดอยู่ในมหานิยม ที่สำคัญหลวงพ่อเปิ่นเคยประจันหน้ากับเสือมาแล้ว กลางป่าลึกระหว่างธุดงค์วัตรแถวป่าใหญ่จังหวัดกาญจนบุรี จึงเกิดความประทับใจตั้งแต่นั้นมา เมื่อหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต มรณภาพลงและหลวงพ่อเปิ่นออกจาริกแสวงธรรมทางวัดบางพระเงียบเหงาลง ต่อมา “หลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน์” พระกรรมวาจาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่น ได้เป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่หิ่มจนมรณภาพลงในปี พ.ศ.2516 เจ้าอาวาสวัดบางพระ จึงว่างลง ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันไปกราบอาราธนาหลวงพ่อเปิ่นให้กลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางพระ ซึ่งในตอนแรกหลวงพ่อเปิ่นไม่ยอมมาด้วยสาเหตุว่าไม่มีใครดูแลวัดโคกเขมา ซึ่งเป็นเหมือนกับวัดที่ท่านสร้างขึ้นมาใหม่ ภาระและความรับผิดชอบยังอยู่ที่ท่าน กล่าวกันว่าชาววัดโคกเขมา เมื่อทราบว่าหลวงพ่อเปิ่นท่านจะต้องกลับไปพัฒนาวัดบางพระ ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่านเสียดายก็เสียดายทำอย่างไรได้เมื่อเหตุมันเกิดก็ต้องยอมแต่ยังอุ่นใจอยู่ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นไปกราบปรึกษาหารือท่านก็คิดว่าจะได้รับคำแนะนำที่ดีมีประโยชน์ บางทีท่านอาจจะลงมือมาช่วยได้อีก ในที่สุดหลวงพ่อเปิ่นท่านก็กลับมาพัฒนาวัดบางพระ สมเจตนาของชาวบ้านบางพระ นั่นคือการจบวิถีชีวิตการธุดงค์ของหลวงพ่อเปิ่น ในวันที่ 2 ธันวาคม พุทธศักราช 2523 ให้พระฎีกาเปิ่น วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม เป็น “พระครูฐาปนกิจสุนทร” ช่วงนี้ นี้เองที่วัดบางพระมีการออกพระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อเปิ่นเพื่อทดแทนในน้ำใจแห่งศรัทธาที่ศิษยานุศิษย์และชาวบ้านได้ร่วมกันในการพัฒนาวัดบางพระนั่นเอง
ในวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2537 หลวงพ่อเปิ่นท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณะศักดิ์จากพระครูฐาปนกิจสุนทร เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ เป็น “พระอุดมประชานาถ” ด้วยการพัฒนาวัดและชุมชนมาโดยตลอด ทางมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย ถวายปริญญาบัตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์ ณ วันที่ 7 พฤษภาคม พุทธศักราช 2538 แก่องค์หลวงพ่อเปิ่น แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อเปิ่นได้เป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นพระสงฆ์ของประชาชนโดยแท้ ท่านไม่ทิ้งธุระทางการศึกษาพัฒนาสาธารณะประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษาไว้มากเพื่อเป็นแนวทางแก่พระภิกษุ –สามเณรในพระพุทธศาสนา
ในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2545 เวลา 10.55 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ หลวงพ่อเปิ่นได้ละสังขารด้วยอายุ 79 ปี 54 พรรษา ยังความอาลัย เศร้าโศก เสียใจแก่ปุถุชนจิต แต่ได้แสดงให้เห็นถึงมรณัสสติแก่ศิษยานุศิษย์ คุณงามความดีที่หลวงพ่อเปิ่นท่านได้กระทำไว้ในพระพุทธศาสนามากมาย จะเป็นตำนานแห่งแผ่นดินสยามในทุกๆ เรื่องเป็นเครื่องเตือนสติให้พุทธศาสนิกชนได้รู้จักและปฏิบัติสืบสานกันต่อไป.
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก thaipra.wordpress.com / th.wikipedia.org เรียบเรียงโดย อุทัย เลิกสันเทียะ
 

เนื้อหาและข้อมูล

เหรียญหลวงพ่อนารถ นาคเสโน (พระครูโสภณประชานารถ) วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2503 เนื้อทองแดงสภาพเดิมๆ ครับ โดยขนาดความกว้างของเหรียญ 2.3 ซ.ม. ความสูงถึงหูเหรียญ 3.8 ซ.ม. ครับ