mungmee-pradee.com=> พระรูปหล่อ รูปเหมือนปั๊มเกจิ -> รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อขอม พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดไผ่โรงวัว อุดกริ่ง ปี 2505 จ.สุพรรณบุรี เนื้อทองเหลือง สภาพสวยมาก


รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อขอม พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดไผ่โรงวัว อุดกริ่ง ปี 2505 จ.สุพรรณบุรี เนื้อทองเหลือง สภาพสวยมาก

FaceBook Twitter
จำนวนผู้เข้าชม : 8326 คน

รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อขอม พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดไผ่โรงวัว อุดกริ่ง ปี 2505 จ.สุพรรณบุรี เนื้อทองเหลือง สภาพสวยมาก

รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อขอม พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดไผ่โรงวัว อุดกริ่ง ปี 2505 จ.สุพรรณบุรี เนื้อทองเหลือง สภาพสวยมาก

รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อขอม พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดไผ่โรงวัว อุดกริ่ง ปี 2505 จ.สุพรรณบุรี เนื้อทองเหลือง สภาพสวยมาก

รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อขอม พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดไผ่โรงวัว อุดกริ่ง ปี 2505 จ.สุพรรณบุรี เนื้อทองเหลือง สภาพสวยมาก


รายละเอียด

รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อขอม พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดไผ่โรงวัว อุดกริ่ง ปี 2505 จ.สุพรรณบุรี เนื้อทองเหลือง สภาพสวยมาก

รหัส : 417

ราคา : 3,000 บาท .-

ประเภท : พระรูปหล่อ รูปเหมือนปั๊มเกจิ

รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อขอม พิมพ์หน้าหนุ่ม วัดไผ่โรงวัว อุดกริ่ง ปี 2505 จ.สุพรรณบุรี เนื้อทองเหลือง ขนาด ความกว้างฐาน 1.5 ซม. ความสูง 2.2 ซม.  
 
ประวัติหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
            ประวัติของหลวงพ่อขอม เดิมท่านชื่อ เป้า แต่เพื่อนๆ เรียกท่านว่า ขอม เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว พระขอม หรือ อนิโชภิกษุ ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบางสาม ได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง และปฏิบัติตนในศีลาจารวัตรเป็นอย่างดีอยู่หลายปี จนกระทั่งเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงมาถึง ได้มีสำนักสงฆ์สร้างขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อเรียกตามความนิยมของชาวบ้านว่า “วัดไผ่โรงวัว” ด้วยเหตุที่นี่ไม่มีสมภารเจ้าวัด บรรดาชาวบ้านย่านนั้นซึ่งจับตาดูพระขอมมาตั้งแต่ต้นลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่สมควรได้รับตำแหน่งสมภารวัดใหม่นี้ ไม่มีท่านใดเหมาะเท่าพระขอม เมื่อลงความเห็นดังนี้ ต่างก็พากันกันไปนิมนต์พระขอม ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่โรงวัว พระขอมซึ่งเคยเป็นที่คุ้นเคยกับพุทธบริษัทที่นั่นไม่อาจขัดศรัทธาได้ จึงย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนั้นเป็นเวลา ๒ ปี
            ชีวิตของท่านในช่วงนี้ หากจะขาดก็คือขาดสถานศึกษาเล่าเรียนพระพุทธศาสนา เพราะวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ สิ่งนี้ทำให้พระขอมพิจารณาตนเอง และเห็นว่าอันธรรมวินัยของพระศาสดานั้น ท่านยังเข้าไม่ถึงพอที่จะเป็นสมภารเจ้าวัดได้ หากผู้ศรัทธายังประสงค์จะให้ท่านเป็นผู้นำของวัดนี้อยู่ ท่านก็จำต้องเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม
            ดังนั้นท่านจึงขอย้ายไปจำพรรษาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี แล้วไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดประตูสารใกล้ๆ กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุที่ท่านจำพรรษาอยู่นั่นเอง การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระขอมดำเนินไป ๓ ปี ก็สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอกอันเป็นความรู้ชั้นเถรภูมิ คราวนี้ท่านกลับมาสู่วัดไผ่โรงวัวอีกครั้งหนึ่งอย่างสมภาคภูมิ กลับมาอย่างผู้พร้อมที่จะบริหารภารกิจให้พระศาสนาอย่างเต็มที่ ดังได้กล่าวแล้วว่าวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ จึงยังไม่ถึงพร้อมในทุกๆ ด้านคือ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย กุฏิที่อยู่จำพรรษาของพระภิกษุสามเณรก็เป็นกระต๊อบมุงจากเก่าๆ มีอยู่เพียง ๒ หลัง  ศาลาการเปรียญที่เป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายกทายิกา เป็นเพียงเรือนไม้ไผ่หลังคามุงจากอาศัยพื้นดินเป็นพื้นของศาลา น่าอนาถใจยิ่ง ภาระของพระขอมคือต้องปรับปรุงศาสนสถานแห่งนี้ให้น่าพักพิงสมกับเป็นวัดก่อน เพื่อจะได้เป็นหนทางนำไปซึ่งการปรับปรุงจิตใจของชาวบ้านผู้ศรัทธาเป็นชั้นที่สอง และเนื่องจากบรรดาชาวบ้านต่างมีศรัทธาพระขอมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานปรับปรุงก่อสร้างชั้นแรกจึงผ่านไปได้ไม่ยาก เริ่มด้วยการถมดินไม่ให้น้ำท่วมวัดได้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลุ่มมาก ถึงฤดูฝนคราใดน้ำท่วมทุกปี และท่วมมากขนาดเรือยนต์เรือแจวแล่นถึงกุฏิได้ เมื่อถมดินเสร็จท่านได้จัดการขุดสระน้ำสำหรับเป็นที่สรงน้ำ และน้ำดื่มของพระภิกษุสามเณร และเพื่อชาวบ้านทั้งหลายจะได้อาศัยอาบกินโดยทั่วไป แล้วซ่อมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโบสถ์ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามสมกับคำว่า “วัด” ทำให้ศรัทธาของชาวบ้านก็เพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่พระขอมได้บวชเป็นพระสงฆ์ ท่านมีความตั้งใจมั่น ดังที่เรียกว่ามโนปณิธาน เรื่องนี้ท่านกล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า
 
            “... อาตมาได้ฟังพระท่านเทศน์ว่า บุคคลผู้ใดเลื่อมใสได้สร้างพระพุทธรูป จะเล็กเท่าต้นคาก็ดี โตกว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หมื่นชาติแสนชาติ ผู้นั้นจะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย จนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าผู้ใดสร้างพระพุทธรูปด้วยทองคำ ผู้นั้นจะได้เกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...” ด้วยมโนปณิธานนี้เอง ทำให้ท่านขอมคิดเริ่มสร้างพระพุทธโคดม ด้วยทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงพ่อขอมเริ่มบอกบุญแก่ญาติโยมใช้เวลา ๒ ปี กว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่นั่นเอง ถึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมด ๑๒ ปี จนแล้วเสร็จ พ.ศ. ๒๕๑๒
            หลังจากนั้น ท่านก็เริ่มสร้างสิ่งก่อสร้างอีกหลายอย่าง เช่น สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล แดนสวรรค์ นรกภูมิ เมืองกบิลพัสดุ์ และอีกหลายๆ อย่างด้วยกันดังที่เห็นกันในทุกวันนี้ มีลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเคยถามหลวงพ่อขอมว่าจะสร้างสิ่งก่อสร้างไว้มากมายเพื่ออะไร ท่านตอบว่า "อาตมาสร้างไว้เพื่อให้ผู้ศรัทธา และอนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรื่องราวของพุทธประวัติ" นอกจากงานก่อสร้างแล้ว หลวงพ่อขอมท่านยังเป็นนักเขียนนักแต่ง ที่มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าด้านงานก่อสร้าง ผลงานของท่านปรากฏอยู่หลายเรื่อง เฉพาะที่จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทานไปแล้วก็มีเรื่อง ธรรมทูตเถื่อน พุทธไกรฤกษ์ สมถะและวิปัสสนา
            จนถึงวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๓๓ เวลา ๑๖.๕๕ หลวงพ่อขอมก็มรณภาพลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ ๘๘ ปี พรรษา ๖๘  ทำให้นึกถึงคำปฏิญาณของหลวงพ่อขอม ที่ท่านได้กล่าวไว้ ๕ ข้อ คือ
            ๑. ชีวิตของเราที่เหลือขอช่วยพระพุทธองค์ไปจนตาย 
            ๒. เมื่อมีชีวิตอยู่ ถ้าเรามีเงินส่วนตัวสัก ๑ บาท เราจะอายพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง 
            ๓. เราจะให้รูปพระองค์เกลื่อนไปในพื้นธรณี 
            ๔. โอ...โลกนี้ไม่ใช่ของฉัน  และ
            ๕.เราต้องตาย ตายใต้ผ้าเหลืองของเรา
 
ข่าวพระเครื่องที่มา http://www.komchadluek.net
และขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.tumsrivichai.com
 



  เมื่อวันที่ : 2018-01-22 16:12:14


สนใจติดต่อโทร : 081-840-4168

Line ID : Suriyun07

คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีการชำระเงิน